CFD เป็นตราสารที่มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงในการสูญเสียเงินอย่างรวดเร็วเนื่องจากเลเวอเรจ 76% ของบัญชีนักลงทุนรายย่อยสูญเสียเงินเมื่อทำการซื้อขาย CFD กับผู้ให้บริการนี้ คุณควรพิจารณาว่าคุณเข้าใจวิธีการทำงานของ CFD และคุณสามารถรับความเสี่ยงสูงจากการสูญเสียเงินได้หรือไม่

มหาอำนาจโลกปี 2025: สหรัฐอเมริกา ความแข็งแกร่งท่ามกลางความไม่แน่นอน
มหาอำนาจโลกปี 2025: สหรัฐอเมริกา ความแข็งแกร่งท่ามกลางความไม่แน่นอน
ในปี 2025 ผู้เชี่ยวชาญจากหลายสำนักยังคงเห็นพ้องว่าสหรัฐอเมริกายังคงรักษาสถานะ “แกนกลาง” ของเศรษฐกิจโลกไว้ได้อย่างมั่นคง แม้จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว วัฏจักรดอกเบี้ยสูงยืดเยื้อ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่สหรัฐฯ ก็ยังสามารถใช้จุดแข็งในด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเปิดเป็นเครื่องมือรับมือกับวิกฤตและสร้างโอกาสใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง
ภาพรวมเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในปี 2025
ในช่วงกลางปี 2025 เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าบนเส้นทางที่ท้าทายแต่มีเสถียรภาพ ข้อมูลจาก IMF และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คาดการณ์ว่า GDP ปีนี้จะขยายตัวราว 1.7% ลดลงเล็กน้อยจาก 2.1% ในปี 2024 จากผลของนโยบายการเงินแบบเข้มงวดที่ยังคงดำเนินต่อเนื่องเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งแม้จะชะลอลงจากจุดสูงสุด แต่ยังทรงตัวในระดับ 3–3.5% ซึ่งสูงกว่ากรอบเป้าหมาย 2% ของ Fed
แม้ภาวะดอกเบี้ยสูงจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจขนาดกลาง–เล็ก (SME) แต่แรงขับเคลื่อนจาก “การบริโภคภายในประเทศ” ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 68% ของ GDP สหรัฐฯ ยังคงมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะการใช้จ่ายในภาคบริการ อีคอมเมิร์ซ และเทคโนโลยี ซึ่งยังเติบโตได้ดี ท่ามกลางตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง อัตราว่างงานยังอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี และค่าจ้างเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีทักษะสูง
อุตสาหกรรมเทคโนโลยียังคงเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะในสาขาปัญญาประดิษฐ์ (AI / GenAI) ที่ถูกนำไปใช้จริงอย่างกว้างขวางในภาคธุรกิจ การเงิน และสาธารณสุข ระบบอัตโนมัติ (Automation) ที่ช่วยเพิ่มผลิตภาพของแรงงานท่ามกลางแรงกดดันด้านต้นทุน และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเติบโตต่อเนื่องจากการสนับสนุนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง
ในฝั่งของตลาดทุน ดัชนี S&P 500 ยังคงแข็งแกร่งจากแรงหนุนของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก แม้จะมีความผันผวนจากอัตราดอกเบี้ยและปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ แต่ตลาดโดยรวมยังไม่แสดงสัญญาณของการหดตัวครั้งใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดในยุโรปและเอเชีย
Tip: หากไม่แน่ใจว่าจะเลือกหุ้นตัวไหน การลงทุนผ่าน ETF อย่าง $VOO หรือ $QQQ ช่วยให้เกาะเทรนด์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้โดยไม่ต้องจับจังหวะรายตัว ลดความเสี่ยงแต่ยังมีโอกาสเติบโตจากกลุ่มเทคโนโลยีและ AI |
ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐฯ
-
พลังของการบริโภคภายในประเทศ
แม้ภาวะดอกเบี้ยสูงยังดำเนินต่อ แต่ผู้บริโภคชาวอเมริกันยังใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหมวดประสบการณ์ เช่น ท่องเที่ยว อีคอมเมิร์ซ และบริการสุขภาพ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังอยู่ในระดับดี สะท้อนผ่านยอดขายของกลุ่มค้าปลีกและบริการที่เติบโตต่อเนื่อง
หุ้นในหมวด consumer discretionary อย่าง Amazon และ Airbnb ยังคงได้แรงหนุนจากเทรนด์นี้
-
ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี
AI และ GenAI กลายเป็นแกนหลักของนวัตกรรมสหรัฐฯ โดยถูกใช้งานจริงในวงกว้าง ตั้งแต่ภาคสุขภาพไปจนถึงโลจิสติกส์ ขณะเดียวกัน การลงทุนภายใต้ CHIPS Act ส่งผลให้หุ้นในกลุ่ม semiconductor เช่น NVIDIA, AMD และ Broadcom ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ด้านอุตสาหกรรม EV บริษัทอย่าง Tesla, Rivian และกลุ่มพลังงานสะอาดยังดึงดูดเงินทุนจากกองทุน ESG เช่นกัน
-
การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
โครงการ Infrastructure Investment and Jobs Act เริ่มแสดงผลจริงในปีนี้ ทั้งระบบขนส่ง 5G และพลังงานทดแทน ซึ่งกระตุ้นการจ้างงานและการเติบโตในระดับชุมชน
หุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานทางเลือก เช่น NextEra Energy, Brookfield Renewable และกลุ่ม REITs ที่ลงทุนในเขตเมือง กำลังกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของนักลงทุนที่มองหาโอกาสระยะยาว
ความท้าทายของการลงทุนในตลาดสหรัฐฯ
การแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะยังคงดุเดือด แต่จะมีองค์ประกอบของความร่วมมือร่วมอยู่ด้วย ตามที่วิทยากรคนหนึ่งกล่าวในที่ประชุม WEF ที่ประเทศจีน PHOTO: REUTERS
ความท้าทายสำคัญที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังต้องเผชิญในปี 2025 คือแรงกดดันจากภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งความขัดแย้งทางการค้ากับจีนในกลุ่มเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงความตึงเครียดในตะวันออกกลางและยุโรปตะวันออก ที่ส่งผลให้ราคาพลังงานผันผวนและกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก สถานการณ์เหล่านี้ทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอน
ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ยิ่งขยายช่องว่างรายได้ระหว่างแรงงานทักษะสูงในเมืองใหญ่ กับแรงงานดั้งเดิมในภาคการผลิตหรือการเกษตร ส่งผลให้ผลตอบแทนในตลาดหุ้นกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีเป็นหลัก ขณะที่ธุรกิจดั้งเดิมหรือหุ้นที่พึ่งพากำลังซื้อจากชนบทอาจเผชิญแรงกดดันทั้งด้านยอดขายและแรงงาน
อีกด้านหนึ่ง เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว เช่น ไฟป่า พายุ หรือภัยแล้งที่เกิดบ่อยขึ้น กำลังกลายเป็นภาระทางเศรษฐกิจ ทั้งต่อโครงสร้างพื้นฐาน ภาคเกษตร และการประกันภัย นักลงทุนบางส่วนจึงเริ่มหันไปจับตามองหุ้นกลุ่มพลังงานสะอาด หรือกองทุนที่ลงทุนในธุรกิจรับมือกับความเสี่ยงด้านสภาพอากาศ เช่น Climate Resilience ETF และโครงการโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว
สุดท้าย ดอกเบี้ยนโยบายที่ยังทรงตัวในระดับสูงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่ใช้เงินทุนหนา นักลงทุนเริ่มปรับพอร์ตเข้าสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอมากขึ้น เช่น ตราสารหนี้ระยะสั้น หรือหุ้นกลุ่ม defensive ที่ทนทานต่อวัฏจักรเศรษฐกิจ
เริ่มลงทุนกับตลาดสหรัฐฯ ได้ง่ายกว่าที่คิด
ไม่ว่าคุณจะสนใจหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำ ทองคำ หรือเทรด Forex กับคู่เงินสำคัญ IUX เปิดโอกาสให้คุณเข้าถึงสินทรัพย์ระดับโลกได้ในที่เดียว พร้อมเครื่องมือวิเคราะห์และบัญชีทดลองสำหรับผู้เริ่มต้น
เปิดบัญชีกับ IUX ได้ฟรีวันนี้ เพื่อเริ่มต้นเส้นทางการลงทุนของคุณอย่างมั่นใจ
แนวโน้มการลงทุนและความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามอง
-
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังแข็งแรงในภาพรวม
กลุ่มเทคโนโลยีและสุขภาพยังนำตลาด หุ้นอย่าง NVIDIA, Microsoft และ Eli Lilly ทำจุดสูงสุดใหม่ในปีนี้ ขณะที่ ETF เช่น $QQQ, $ARKK และ $IBB ยังดึงดูดเงินทุน แม้อัตราดอกเบี้ยยังสูง นักลงทุนจึงเริ่มกระจายความเสี่ยงบางส่วนไปยังตราสารหนี้ เช่น $SHY หรือ $TLT
-
พลังงานสะอาดยังเป็นธีมหลักระยะยาว
การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดยังขับเคลื่อนหุ้นกลุ่ม Solar, Wind และ Hydrogen เช่น First Solar, Plug Power รวมถึง ETF อย่าง $ICLN, $QCLN และ $HYDR ที่ถูกใช้เป็นแกนลงทุนโดยกองทุน ESG
-
ทองคำและ Forex กลับมาได้รับความสนใจ
ภาวะดอกเบี้ยทรงตัว-สูง และความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ถูกจับตามอง ราคาทองเคลื่อนไหวเหนือ $2,300 ในหลายช่วงของปี ทำให้เกิดโอกาสทั้งฝั่งถือยาวและเก็งกำไรผ่าน CFD หรือ ETF อย่าง $GLD และ $IAU
ขณะเดียวกัน ตลาด Forex ก็กลับมาคึกคัก โดยเฉพาะคู่เงิน USD/JPY และ EUR/USD ที่ผันผวนตามแนวโน้มดอกเบี้ยของ Fed และ ECB นักเทรดสายเทคนิคและข่าวต่างจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อและถ้อยแถลงจากธนาคารกลางอย่างใกล้ชิด
Tip: ในช่วงที่ตลาดหุ้นยังแข็งแรงแต่ดอกเบี้ยยังทรงตัว การจัดพอร์ตแบบผสม หุ้นเทคโนโลยี (ผ่าน ETF อย่าง $QQQ), ทองคำ ($GLD) และคู่เงินหลักใน Forexจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวน พร้อมเปิดโอกาสทำกำไรในหลายภาวะตลาด |
บทสรุป
ในปี 2025 เศรษฐกิจสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการปรับตัวและเติบโตในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยี ความมุ่งมั่นต่อการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน และตัวเลขการบริโภคภายในประเทศที่ยังมั่นคง ล้วนเป็นจุดเด่นที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญ เช่น ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องที่รัฐบาลสหรัฐจำเป็นต้องได้รับการจัดการอย่างรอบคอบเพื่อให้เศรษฐกิจยังคงมีเสถียรภาพในระยะยาว
หากสหรัฐฯ สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพและวางแผนเชิงกลยุทธ์อย่างเหมาะสม แน่นอนว่าประเทศมหาอำนาจนี้จะยังคงรักษาความเป็นยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลก และก้าวไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น
บทความที่คุณอาจสนใจ : ผลกระทบอัตราดอกเบี้ยของ FED ต่อ Forex และหุ้น
💡FAQ
Q: ปี 2025 ควรเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มไหน?
A: กลุ่มเทคโนโลยี (โดยเฉพาะ AI และ Semiconductor) และสุขภาพยังคงเติบโตแข็งแกร่ง หุ้นอย่าง NVIDIA, Microsoft, Eli Lilly และ ETF อย่าง $QQQ และ $IBB เป็นตัวเลือกที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก
Q: ทองคำยังเหมาะกับการลงทุนในช่วงดอกเบี้ยสูงหรือไม่?
A: ทองคำยังคงมีบทบาทสำคัญในพอร์ตลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวนและมีความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ นักลงทุนสามารถลงทุนผ่านทองคำจริง, กองทุน ETF เช่น $GLD หรือเทรดผ่าน CFD สำหรับนักเก็งกำไรระยะสั้น
Q: ตลาด Forex ยังน่าสนใจในปีนี้หรือไม่?
A: น่าสนใจมาก โดยเฉพาะคู่เงินหลักอย่าง USD/JPY และ EUR/USD ที่ผันผวนตามนโยบายการเงินของสหรัฐฯ และยุโรป เหมาะทั้งสำหรับสายเทรดระยะสั้น และผู้ที่ติดตามการเคลื่อนไหวของดอกเบี้ยและเศรษฐกิจมหภาคอย่างใกล้ชิด
หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลสำหรับการศึกษาในเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน